Tuesday, November 29, 2005

ไม่จำนนใจ

สำหรับคนวัยหนุ่มหรือสาวประมาณหนึ่ง น่าจะเคยได้ยินเพลงที่ชื่อว่า "ไม่จำนนใจ" ของคุณเบิร์ท กิติกร เพ็ญโรจน์ ผ่านหูมาบ้าง สำหรับเพลงนี้เป็นเพลงที่ผมชอบมากๆ เพลงหนึ่ง ที่สำคัญเป็นเพลงที่หาฟังยากมากเลยทีเดียว ต้องขอขอบคุณพี่เอ็กซ์มากๆ ที่ส่งเพลงนี้มาให้ อยากได้มานานแล้วครับ

เพลง "ไม่จำนนใจ" นี้ อยู่ในอัลบั้มที่ชื่อว่า "ทางฝัน" ของคุณเบิร์ท แต่ไม่ทราบว่าออกมาประมาณปีไหนครับ หาข้อมูลไม่เจอเลยจริงๆ ท่านใดทราบก็แจ้งมาด้วยแล้วกัน




ไม่อาจย้อนเวลากลับคืน
ไม่อาจฝืนความจริงบางอย่าง
ทุกครั้งจะบอก เตือนให้ใจรู้อยู่
โลกต้องหมุนต้องเดินต่อไป
เมื่อลมหายใจยังมีอยู่
ท้อแท้หดหู่ มันยิ่งทำให้เสียเวลา

ไม่จำนนต่อเกมหัวใจ ไม่ยอมสิ้นทาง
แค่หมดหวังเมื่อเธอทิ้งไป ก็คงไม่ตายสักหน่อย
ไม่ยอมแพ้ไม่เคยเศร้าซึม ไม่เคยอ่อนไหว
แต่ไม่พร้อมเจอใครเพราะหัวใจอ่อนแอ

ผ่านความหนาวมาจนเนิ่นนาน
ผ่านความช้ำจนจำขึ้นใจ
ทิ้งไว้อดีต มีแค่ความขมขื่น
ไม่เรียกร้องอะไรจากเธอ
จะไม่ขออะไรใครอีก
ถึงฉันหลบหลีก มันก็เพียงแค่ขอทำใจ

ไม่จำนนต่อเกมหัวใจ ไม่ยอมสิ้นทาง
แค่หมดหวังเมื่อเธอทิ้งไป ก็คงไม่ตายสักหน่อย
ไม่ยอมแพ้ไม่เคยเศร้าซึม ไม่เคยอ่อนไหว
แต่ไม่พร้อมเจอใครเพราะหัวใจอ่อนแอ

อีกไม่นาน พอหัวใจมันแกร่ง
จากเรี่ยวแรงที่ยังมีอยู่ จะกลับมา มาอีกครั้ง
...กลับเป็นฉันคนเดิม

ไม่จำนนต่อเกมหัวใจ ไม่ยอมสิ้นทาง
แค่หมดหวังเมื่อเธอทิ้งไป ก็คงไม่ตายสักหน่อย
ไม่ยอมแพ้ไม่เคยเศร้าซึม ไม่เคยอ่อนไหว
แต่ไม่พร้อมเจอใครเพราะหัวใจอ่อนแอ

ไม่จำนนต่อเกมหัวใจ ไม่ยอมสิ้นทาง
แค่หมดหวังเมื่อเธอทิ้งไป ก็คงไม่ตายสักหน่อย
ไม่ยอมแพ้ไม่เคยเศร้าซึม ไม่เคยอ่อนไหว
แต่ไม่พร้อมเจอใครเพราะรู้ใจอ่อนแอ

Monday, November 28, 2005

ข่าว ... งานแจ๊ส

และแล้ว จากตอนแรกที่จะมีงานแจ๊สยักษ์ใหญ่จัดชนกันปลายปีนี้สองงาน ตอนนี้ผู้มาใหม่อย่าง Bangkok Jazz Celebration ตัดสินใจเลื่อนงานของตนเองไปเป็นเดือนมกราคม ปีหน้าแทนแล้ว

ข่าวดีก็คือ ... จะได้ไปดูศิลปินทั้งสองงานแบบเต็มๆ ได้
ส่วนข่าวร้ายคือ ... จะต้องเสียเงินกันอีกแล้วน่ะซิคร้าบบบ

เนื้อหาข่าวด้านล่างนี้ คัดลอกมาจากคอลัมน์จุดประกายดนตรี จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจนะครับ แต่จำฉบับกับวันที่ไม่ได้
แม้จะไม่มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ แต่ป่านนี้ แฟนเพลงแจ๊สบ้านเราคงร้องเฮ้อ ! เสียงดัง ด้วยความโล่งอกเสียที เมื่อผู้จัดงาน Bangkok Jazz Celebration ตัดสินใจเลื่อนการจัดงานออกไปในช่วงต้นเดือนมกราคม ศกหน้า

โดยยังรักษาคอนเซปต์การจัดงานดังเดิมไว้ได้ ส่งผลให้แนวโน้มการโคจรของงานเทศกาลดนตรีแจ๊ส 2 งานช้าง ที่เดิมคาดกันว่า จะต้องประสานงากันแน่ๆ เพราะจัดในวันเวลาเดียวกัน ก็มีทิศทางหักเหออกไป

ขณะเดียวกัน Bangkok Jazz Festival ผู้จัดรายเดิม ซึ่งนำโดย เบียร์ไฮเนเก้น, เทอร์มินัล เอ๊กซ์ตร้า และ ททท. ก็เพิ่งแถลงข่าวอย่างเป็นทางการไปเมื่อเร็วๆ นี้ว่า เทศกาลแจ๊สปลายปีจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 16-18 ธันวาคม ศกนี้แน่นอน ณ ลานสนามเสือป่า พระราชวังดุสิต แฟนเพลงแจ๊สเตรียมตัวกันได้

เนื่องจากจัดกันอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 ปีนี้ วนิดา วรรณศิริกุล กรรมการผู้จัดการของ เทอร์มินัล เอ๊กซ์ตร้า เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จึงถือโอกาสแถลงให้สื่อมวลชนฟังว่า ปีนี้จะมีความล้ำหน้าในโปรดักชั่นการผลิต เพราะจากปัญหาการใช้ 2 เวทีให้เล่นสลับกันจากปีที่ผ่านๆ มา

ปีนี้ได้มอบหมายให้ทีมวิศวกรออกแบบให้เวทีเลื่อนได้ จากเดิมที่ทำเป็น 2 เวทีคนละฟากฝั่ง แต่ปีนี้ เวทีจะเคลื่อนตัวได้เอง ผู้ชมจึงไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่าการปักหลักอยู่กับที่ของตนเอง

ไม่เพียงเท่านั้น นี่อาจจะเป็นปีแรกที่ผู้จัดงานแสดงจุดยืนแน่ชัด ด้วยการกำหนดวันเทศกาลที่แน่นอนขึ้นมาเสียที เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น และเพื่อให้แฟนเพลงสามารถกำหนดตารางชีวิตของตนเองได้

"เราขอประกาศให้ทุกคนได้ทราบว่า บางกอก แจ๊ส เฟสติวัล จะมีขึ้นทุกสุดสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนธันวาคม ซึ่งถึงตรงนี้ ต่อไปทุกๆ คน จะได้รู้ตารางเวลาของตนเองว่า เมื่อเวลาเดินทางมาถึง เราจะมีนัดหมายกันที่นี่"

ไลน์-อัพของศิลปินแจ๊สที่จะมาบรรเลงในปีนี้ ถือได้ว่าดีขึ้นและหลากหลายขึ้นกว่าเดิม แม้ส่วนมากจะอิงความเป็น สมูธ แจ๊ส (Smooth Jazz) หรือแจ๊สรสนุ่มที่อิงความเป็นคอมเมอร์เชียลเพื่อให้คนส่วนมากรับได้ มากกว่าจะอิงสารัตถะของแจ๊ส (Jazz Essence)

แต่ถือได้ว่ามีบางวงดนตรีที่น่าสนใจทีเดียว อาทิ โตนินโญ่ ฮอร์ตา (Toninho Horta) นักกีตาร์ชาวบราซิลเลียน ซึ่งฝีมือกีตาร์ของเขาเคยสร้างความประทับใจให้แก่นักกีตาร์ระดับโลกอย่าง แพท เมธินี มาแล้ว

จากรายชื่อของศิลปินในปีนี้ อาจจะแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มหลักๆ คือ กลุ่มศิลปินแจ๊สจากสหรัฐอเมริกา, กลุ่มศิลปินแจ๊สยุโรป สุดท้ายคือกลุ่มศิลปินเอเชียและเวิลด์ ครอสโอเวอร์

เริ่มต้นกันที่ กลุ่มศิลปินแจ๊สจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งซาวนด์โดยมากเป็น ฟิวชั่น และสมูธ แจ๊ส (ในอนาคต คาดว่าผู้จัดคงให้ความสนใจกลุ่ม อีสต์ โคสต์ มากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มที่มีความเคลื่อนไหวก้าวหน้าอยู่มากเอาการ) ประกอบด้วย โฟร์เพลย์ (Fourplay) ซูเปอร์กรุ๊ป ที่รวมตัวมาตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990s

ไม่เพียง โฟร์เพลย์ เท่านั้น หากสมาชิกของวงถึง 3 คนยังแยกโชว์เดี่ยวให้พิสูจน์ฝีมือกันจะๆ ตั้งแต่มือกีตาร์ ลาร์รี คาร์ลตัน (Larry Carlton), มือกลอง ฮาร์วีย์ เมสัน ทริโอ (Harvey Mason Trio) ซึ่งชื่อบอกอยู่แล้วว่าเป็นการบรรเลง 3 ชิ้น นับว่าน่าจับตาเป็นพิเศษ

ขณะที่มือเปียโน บ๊อบ เจมส์ (Bob James) มากับวงเฉพาะกิจจากเซี่ยงไฮ้ ! จะเหมือนหรือต่างจาก Twelve Girls Band แค่ไหนต้องลองติดตามกันดู

นอกจากนี้ยังพ่วงด้วย นักกีตาร์ เอิร์ล คลูห์ (Earl Klugh) เจ้าของเสียงกีตาร์แบบเซนเซชั่นนอล

กลุ่มศิลปินแจ๊สยุโรป ประกอบด้วยศิลปินเอซิดแจ๊สจากอังกฤษ ผู้ปลุกเร้าความหฤหรรษ์สู่แฟนเพลงแจ๊สรุ่นใหม่ อย่าง อินค็อกนิโต (Incognito) ถัดจากเกาะอังกฤษขึ้นไปทางตอนเหนือยุโรป มีวงดนตรีจาก เดนมาร์ก มาสร้างสีสันของความเป็นสแกนดิเนเวียน แจ๊ส ประกอบด้วย เวโรนิกา มอร์เตนเสน (Veronica Mortensen) หญิงสาวชาวดานิช ซึ่งได้รับอิทธิพลจากนักร้องระดับตำนานในอดีตจนถึงปัจจุบัน และ นีลส์ เอฟพี (Neils HP) หนุ่มที่ได้รับอิทธิพลจากโซลและร็อค

ขณะที่ เอลดิสซา เป็นการพบกันระหว่าง 1 มือกีตาร์ กับ 3 นักร้องสาว ที่ทดลองนำเอาดนตรีดิสโกและโซลที่เคยมีชื่อเสียงในอดีตมาเรียบเรียงใหม่ ในแบบ บอสซาโนวา (Bossa Nova) ซึ่งเป็นรูปแบบทางดนตรีที่พัฒนามาจากจังหวะเพลงเต้นรำดั้งเดิมของบราซิลกับดนตรีแจ๊ส ในยุคต้นซิกซ์ตีส์

กลุ่มศิลปินเอเชีย-เวิลด์ ครอสโอเวอร์ เริ่มจากนักแซ็กโซโฟน มาซาโตะ ฮอนดา (masato Honda) ซึ่งแฟนเพลงของวงดนตรีฟิวชั่นแจ๊ส ที-สแควร์ ย่อมคุ้นเคยกับฝีมือและภาพลักษณ์ของเขา ขณะที่ เอเชียเนอร์จี (Asianergy) เป็นการรวมตัวในแบบซูเปอร์กรุ๊ปของนักดนตรีฝีมือดีจากหลายประเทศ

และวงที่ไม่น่าพลาดคือ แม้นศรี (Mansri) เป็นวงสัญชาติไทยของคณาจารย์ คณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งเคยฝากความประทับใจให้แก่แฟนเพลงเฉพาะกลุ่มมาแล้ว
จบข่าวแต่เพียงเท่านี้ แล้วพบกันในงานนะครับ
อย่าลืมเก็บเงินไว้ด้วยนะครับ บัตรชุดสามวัน 2,000 บาทถ้วน แต่ถ้าซื้อแยก ก็วันละ 900 บาทนะคร้าบบบบบ

Friday, November 25, 2005

ให้ลองใช้ฟรี แต่...

หลายๆ ท่านน่าจะใช้ WiFi กันเป็นประจำอยู่แล้ว สำหรับเมืองไทยในปัจจุบัน ที่มีให้บริการอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ก็มีอยู่สองค่ายใหญ่ๆ คือ KSC ซึ่งส่วนมากเปิดให้บริการในร้านกาแฟ Starbucks และก็ TRUE ที่มีให้บริการตาม TRUE Shop และ Au Bon Pain

สำหรับ TRUE ในช่วงนี้ มีการเปิดให้ทดลองใช้ฟรี ก็แบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
1.ลูกค้าอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงของทรูเอง และก็ลูกค้าโทรศัพท์ Orange สำหรับกลุ่มที่หนึ่งนี้ จะได้ทดลองใช้ฟรี 10 ชม.
2.กลุ่มบุคคลทั่วไป ที่ต้องการจะทดลองใช้ กลุ่มนี้จะได้ใช้ฟรี 30 นาที ครับ

ฟังดูก็น่าจะดีใช่ไหมครับ ให้ทดลองใช้ฟรี แถมยังลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ได้เลยอีกต่างหาก อะไรมันจะสะดวกสบายขนาดนั้น

...แต่เดี๋ยวก่อน!!!

...คุณเคยประสบปัญหาแบบนี้เหมือนผมมั๊ย???

คุณลงทะเบียนอยู่ที่บ้าน โดยเลือกแบบที่เป็นลูกค้าทรูอยู่แล้ว เพื่อที่จะได้ทดลองใช้ฟรี 10 ชม. หลังจากลงทะเบียนเรียบร้อย ก็จะมีการแจ้ง username และ password แถมยังมีการส่งยืนยันไปยังอีเมล์ที่เราลงทะเบียนไว้อีก

...แต่เดี๋ยวก่อน!!!

ด้วยความสะเพร่าของผมเอง ที่ไม่ได้จด username และ password เหล่านั้นไว้ ด้วยความคิดที่ว่า เราก็ยังมีในอีเมล์นี่นา ซึ่งเปิดเช็คแล้ว ก็ได้รับมาเรียบร้อย

และในวันนี้ ก่อนหน้าที่จะมาอัพเดทบล็อกเรื่องนี้ที่ TRUE Shop ดันเอะใจขึ้นมาว่า เราจะไป connect ได้อย่างไร เพราะมันต้องใช้ username และ password และเราก็เปิด Hotmail ไม่ได้ด้วย เพราะ connect ไม่ได้

...ด้วยความฉลาดปราดเปรื่อง ก็คิดขึ้นมาได้ว่า !!!

ผมก็เข้าไปลงทะเบียนใหม่ก็สิ้นเรื่อง โดยเลือกแบบบุคคลทั่วไป ได้ทดลองใช้ฟรี 30 นาที ซึ่งก็เหลือเฟือแล้วที่จะเข้าไปเปิด Hotmail และจด username และ password ไว้

เมื่อถึง TRUE Shop เรียบร้อย ก็จัดแจงเปิด www.truewifi.net (เว็บเดียวที่เปิดได้ก่อน log-in) และลงทะเบียนใหม่อีกหนึ่งชื่อ ใช้เวลาไม่นาน ก็เรียบร้อย

...แต่เดี๋ยวก่อน!!!

ทำไมมันไม่มีแจ้ง username และ password ที่หน้าเว็บไซต์วะ ทำไมมันบอกว่าจะส่งไปที่อีเมล์ แล้วผมจะเช็คอีเมล์ไงวะเนี่ย !!! เพราะมันเปิดเว็บไซต์อื่นๆ ไม่ได้เลย

...พระเจ้าช่วย!!! ของฟรีมันยุ่งยังงี้เอง

เมื่อหมดหนทาง ก็ต้องโทรเข้า Call Center อย่างเดียว ตามเบอร์ที่บอกไว้ในเว็บไซต์ หลังจากที่พนักงานรับสาย และแจ้งเรื่องไปเรียบร้อยแล้ว ก็หายไปสักพัก และกลับมากับคำพูดที่ว่า "ขออภัยที่ให้รอนานนะคะ" (ตามระเบียบ ซึ่งบางทีรอสั้นกว่าประโยคที่พูดอีก แต่บางทีก็รอโครตนาน น่าจะมี "ขออภัยที่ให้รอโครตนานนะคะ" ด้วยเนอะ)

วกกลับมาเรื่องเดิม สรุปว่าที่หายไปสักพักใหญ่ๆ ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะระบบจะเป็นตัวออกให้ ไม่สามารถเช็คอะไรได้เลย (เหรอวะเนี่ย!!) ทางแก้ที่พนักงานพอจะช่วยได้ก็คือ จะเข้าไปเช็คอีเมล์ให้ โดยให้บอก username และ password ของอีเมล์ไป แถมยังถามซ้ำอีกว่า "ไม่ทราบจะมีความลับอะไรไหมคะ"

...โอ้!! แม่เจ้า เพิ่งรู้ว่าของฟรี มันไม่มีได้มาง่ายๆ จริงๆ

สรุป ผมต้องเสียเงิน 40 บาท ไปซื้อชั่วโมงอินเตอร์เน็ต 1 ชั่วโมง และ log-in ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ TRUE Shop เพื่อจะเข้าไปดู username และ password ใน Hotmail และนำมากรอกผ่าน notebook ของผมแค่นั้น สรุปว่าซื้อมา 1 ชั่วโมง แต่ใช้ไปแค่ 3 นาที!!!

ไฮโซสิบล้อ : จุลจักร จักรพงษ์ “สำหรับผม ไฮโซเป็นคำด่า”

ในช่วงนี้ ถ้าเดินผ่านแผงหนังสือ หลายๆ ท่านน่าจะได้เห็นนิตยสาร GM ฉบับล่าสุด ประจำเดือนพฤศจิกายน ที่นำจุลจักร จักรพงษ์ หรือฮิวโก้มาขึ้นปก ในฉบับที่ว่าด้วยเรื่องชนชาวสังคมชั้นสูงหรือไฮโซ บทสัมภาษณ์ของฮิวโก้ คำตอบที่ได้ยังคงตรงไปตรงมาเช่นเคย ลองอ่านดูนะครับ แรงสะใจดี :D


“ตกลงจะเอายังไงกันแน่” แท็กซี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเจือหงุดหงิด หลังจากที่ผมเปลี่ยนจุดหมายปลายทางถึง 3 ครั้ง จากศรีย่านไปปิ่นเกล้า สุดท้ายผมก็บอกเขาว่าไปท่าพระจันทร์

“ขอโทษนะพี่ ผมเพิ่งไปสัมภาษณ์เล็ก เอ่อ...ฮิวโก้มา ยังมึนๆ อยู่”

“อื้อ” แท็กซี่พยักหน้าก่อนที่จะถามต่อว่า “เขาเป็นคนยังไงล่ะ” ด้วยความตาไว ผมเหลือบไปเห็นบางอย่าง “เขาก็ใช้มือถือรุ่นเดียวกันกับพี่และผมนั่นแหละ” รุ่นที่คนอื่นแซวว่าแม้แต่โจรกระจอกที่สุดก็ไม่อยากปล้น

ทำไมผมจึงตอบคำถามนี้ไป ทั้งๆ ที่เราคุยกันตั้งหลายเรื่อง


ปัญหาชายแดนภาคใต้ เศรษฐกิจต้องเป็นรองคุณธรรม พีระมิดที่อียิปต์ เจงกิสข่าน สึนามิ สงคราม รัฐต้องปกป้องประชาชน การเซ็นเซอร์ ความสวยงามของธรรมชาติ-ต้องพยายามเข้าใจคนอื่นมากกว่านี้ สัมผัส ศึกษา สนใจกับมันหน่อย เขาบอกผมอย่างนั้น

ผมถามกว้างๆ แต่เขาเจาะให้เป็นข้อๆ ผมแค่ทำหน้างงๆ ของผมเอง ในขณะที่เขาก็เป็นตัวของตัวเองอย่างถึงที่สุด ตลอดการทำงานของวันนั้น ไม่มีใครหลุดคำว่าฮิวโก้ไปสักครั้งเดียว ผมเรียกเขาว่า 'คุณเล็ก' ทุกคำ

“ไม่ละ” เขาปฏิเสธเสื้อผ้าสุดหรูที่ทีมงานนำมาด้วยน้ำเสียงนิ่มๆ แต่ก็ดันมีร่องรอยความกวนหน่อยๆ “เดี๋ยวเพื่อนแซวเอา เฮ้ย! เล็ก มึงใส่เสื้ออะไรวะ ไม่แนวเลย” เขาคว้าเสื้อตัวเองที่พาดบนโซฟามานำเสนอ “ใส่ตัวนี้ดีกว่า จับเนื้อผ้าดูสิ มันคนละอารมณ์เลย”

แล้วพวกผมจะทำอย่างไรได้ นอกจากมองตากันปริบๆ

“แอ็คเซสโซรี่ล่ะคะ” สไตลิสต์ถามเสียงจ๋อย “คุณเอากุญแจไปไขรถกระบะผมเลย มีหมดเลย” มันเป็นการถ่ายปกที่เรียบง่ายโคตรๆ แต่งหน้าไม่ถึง 2 นาที ผมไม่ต้องดราย ถึงแม้จะเคยเป็นนายแบบถ่ายแบบซึ่งเขาบอกว่าไม่ชอบเท่าไหร่เพราะอาย แต่จุลจักรไม่เคยเดินแบบสักครั้งในชีวิต

แต่ก็ต้องมีบ้างนะกับการที่ต้องนำเสนอตัวเองน่ะ? ผมถาม
นี่ไง-เขาย้ำเสียง ยืนหน้าเฉยๆ อยู่ตรงนั้นแหละ

“สิ่งเดียวที่ผมขายคืออัลบั้มของสิบล้อ มันคือสินค้าอย่างหนึ่ง ผมเป็นเพียงบุคคล ผมไม่ใช่สินค้า ซื้อไม่ได้”

ผมถามเขาไปว่าเมื่อรู้ว่าจะมีนักข่าวกับช่างภาพมาบุกถึงบ้าน เอ่อ...วัง เขาเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
“ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย ก็พยายามไม่เมาเละมาก พูดตรงๆ ผมเลิกถ่ายแบบไปนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องหาเงินมากขนาดนั้น ผมพอมีเลี้ยงตัวเองถึงสิ้นปี ไม่ก็ไปเล่นเพลงฝรั่งตามบาร์ก็ได้ อะไรก็ได้ เพราะคนเรามีสิทธิ์เลือก แต่ GM ก็ไม่ถือว่าเป็นแฟชั่นจัด และวันนี้ผมก็ว่างอยู่ด้วย ผมรู้แค่ว่าผมไม่ควรพูดตอแหล เพราะมันเสียเวลาคุณ เสียเวลาคนอ่าน เราก็พูดได้แต่สิ่งที่เราเชื่อ เราคิด แต่ผมก็ไม่อยากยัดเยียดให้คนอื่นคิดแบบผม”

ในวัย 21 ปี จุลจักรเคยขึ้นปก GM มาแล้ว ตอนนั้นเขายอมกระโดดลงไปในสระน้ำตามคำขอของช่างภาพ แต่ครั้งนี้ไม่มีเสียละ ไม่มีวัน! เวลาผ่านมา 3 ปีแล้วนะ

“ผมเล่นละครประมาณ 7 เรื่อง และรู้สึกว่าเล่นได้ดีแค่ 2-3 เรื่อง ผมว่าผมทำไม่ได้อีก” จุลจักรบอกว่าในวัยอายุ 20 เขาไม่อยากจะใช้เวลาไปกับการมานั่งรอกองถ่าย แม้จะรู้สึกชอบอยู่บ้างในตอนแรกเพราะได้ทำความรู้จักกับคนอื่น แต่ไปๆ มาๆ มันออกแนวนั่งเล่นไพ่กันมากกว่า

“ที่เขาเขียนข่าวซุบซิบกันว่าคนนั้นไปชอบกับคนนี้น่ะเรื่องจริงส่วนมาก การถ่ายละครต้องไปคลุกคลีกับนางเอก แล้วถ้าเขาเกิดนิสัยดีขึ้นมา มันยุ่ง เข้าใจไหมว่ามันยุ่ง” เขาบอก เถอะนะ-เราก็ยังไม่ได้ยินเรื่องยุ่งๆ ของเขาทำนองนี้เลยใช่ไหม

“ความสนใจของผมตอนนี้ก็ต้องเป็นงานดนตรี เพราะเป็นงานชิ้นเดียวที่ทำได้และรู้สึกสบายใจ ผมโชคดีที่ผมเป็นคนมีทางเลือก ฉะนั้นต้องใช้วิจารณญาณมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ เพราะไม่งั้นจะเป็นการฉวยโอกาส เป็นการเอาเปรียบสังคม เพราะว่าคนมีนามสกุลอย่างผมสามารถที่จะเปลืองตัวได้หลายๆ ทาง งานทั้งหมดที่ได้มาต้นตอของมันก็มาจากนามสกุลทั้งนั้นแหละ สังคมไทยให้ค่ากับนามสกุลมาก ซึ่งผมงงไง เพราะผมเรียนเมืองนอก ซึ่งเหยียดหยามด้วยซ้ำกับคนมีนามสกุลดังๆ”

ไม่เคยหวังเลยว่าคนจะชอบเยอะ จะได้รับการชมจากใคร หรือแม้แต่ตัวมวลเงิน คือสิ่งที่เขาคิดวันแล้ววันเล่าขณะที่ต้องทุ่มเทพลังงานให้กับงานดนตรีซึ่งเขาให้ค่าถึง 90 เปอร์เซ็นต์ของชีวิต

“ตื่นมาก็เล่นดนตรีที่ไหนก็ได้ ไม่มายด์ ถ้ามีตังค์จ้างผมก็ไป แต่ต้องไม่เกี่ยวกับ ส.ส. นะ ยิ่งให้ไปจับมือกันบนเวที ผมไม่เอา ผมจะไม่พูดอวยใครทั้งนั้น ผมรู้สึกว่าเป็นหมอนวดยังสุจริตกว่า คุณอ่านหนังสือพิมพ์ คุณก็คิดเอาเองแล้วกัน”

จุลจักรบอกว่าสิ่งที่ทำให้เขาหนักใจอยู่บ้างคือการต้องประคองวงสิบล้อของเขาและเพื่อนๆ ให้อยู่รอด บางครั้งเขาก็สงสัยว่าตัวเองบ้าหรือเปล่า

“แต่โดยรวมผมค่อนข้างมั่นใจในเส้นทางที่เลือกแล้ว ถ้าเราตั้งใจทำ พิสูจน์ตัวเอง มันสะใจเรา แต่หลังๆ ผมก็ต้องไม่กังวลแล้ว เพราะมันจะมาครอบงำการตัดสินใจ ผมไม่อยากจะมานั่งแต่งเพลงป๊อปบ้าๆ บอๆ ตามสูตรเพื่อเลี้ยงวง เพราะนั่นไม่ใช่ข้อตกลงของวงในเบื้องต้น เราจะไม่เป็นแบบนั้น เราจะเป็นวงที่บริสุทธิ์ ต้องการนำเสนอเสียงที่คุณไม่เคยได้ยิน ความจริงใจ ความสบายใจในความแปลกกว่าคนอื่น เป็นแกะดำเท่กว่าเป็นแกะขาว”

แหกคอกอีกแล้ว-ผมนึกในใจ ไม่รู้ว่าเขาเบื่อโลโก้นี้ที่สังคมหยิบยื่นให้ไหม เขาตอบว่าเปล่า แต่กลับรู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ด้วยซ้ำ

ถ้าอยากเจอคุณต้องไปที่ไหน ผมถาม อยากรู้ว่าไลฟ์สไตล์ของคนแหกคอกอย่างเขาเป็นแบบไหน “ผมเป็นคนสังคมแคบ มีเพื่อนนับได้มือข้างเดียว” เขาตอบ “เมื่อคืนก็เพิ่งไปเดินคลองถมมา” แล้วออกงานบ้างไหมล่ะ เขาส่ายหน้า ทำหน้ากวนยิ่งกว่าเก่า

“ผมไม่ชอบไปปาร์ตี้กับดารา คนดัง ลูกคนรวย แก๊งไฮโซ ไม่เคยและไม่เกี่ยวข้องด้วยเท่าไหร่ ผมไม่เห็นอะไรสนุกในนั้น ผมสามารถเรียนรู้จากคนที่ดิ้นรนหรือผ่านประสบการณ์ร้ายๆ ได้มากกว่า เรียนรู้จากคนที่ยอมรับว่า เฮ้ย! กูไม่เจ๋ง ไม่ใช่คนที่นั่งอินอยู่กับความเจ๋งของตัวเองคนเดียว ไฮโซถูกเลี้ยงมาอีกแบบ ซึ่งผมอาจจะฐานะเหมือนไฮโซ แต่ว่าผมไม่ได้โดนเลี้ยงมาอย่างนั้น แม่ไม่ได้เลี้ยงผมมาแบบที่ภูมิใจในความรวย แสดงความรวยให้คนเห็น”

“เวลาบนโลกนี้มันมีน้อยมาก เวลาที่เราจะใช้ในวันหนึ่งๆ เราจะใช้กับใคร จะใช้กับการทำอะไร มันมีตังค์ให้นะกับบางงานที่อยากให้เราไป แต่จะไปทำไม เพื่ออะไร มันมีเหตุผลเดียวคือเพื่อโปรโมตตัวเองใช่ไหม ผมไม่สนุกน่ะ งานสังคมไม่ได้มีประโยชน์ต่อผม ไม่ได้มีประโยชน์ต่อใคร เผลอๆ ไม่ค่อยมีประโยชน์ต่องานเท่าไหร่ด้วย”

ถ่ายรูปกันอยู่ดีๆ เมื่อรู้สึกว่าไม่สนุก เขาก็จะทำหน้าเหมือนอยากหายตัวไปนอกโลก เมื่อต้องเปลี่ยนมุมถ่ายรูปที่เขาไม่ได้อินด้วย เขาก็จะปฏิเสธเสียอย่างนั้น แต่ขอย้ำว่าด้วยสไตล์ดื้อแบบสุภาพของเขานี่แหละที่ทำเอาทีมงานโกรธไม่ลง

“รวยมันไม่ผิดหรอก แต่อย่าคิดเลยแม้แต่วินาทีเดียวว่าการที่คุณมีเงินปริมาณนี้ มันจะทำให้คุณดีกว่าคนที่มีเงินปริมาณน้อยกว่า แค่นั้นแหละ แน่นอนว่าคนรวยมักจะได้รับการศึกษาที่ดีกว่า แต่บางทีแม่งโคตรควายเลย ได้รับโอกาสทุกอย่างแต่แม่งก็ยังไม่รู้จักใช้ ถามว่าเงินซื้อความสุขได้ไหม ได้ในระยะสั้น แต่ตอนดึกๆ นอนอยู่คนเดียวท่ามกลางความรวยทั้งหมด แม่งเหงานรก เพราะฉะนั้นไม่น่าอิจฉาเท่าไหร่หรอก”

“พวกไฮโซจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ผมโคตรไม่แคร์เลยจริงๆ เพราะเขาเป็นคนจำนวนน้อยมาก ไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ของคนในประเทศนี้ ไฮโซในความหมายของผมคือคนที่ไปงานสังคมประจำ คนที่ดังโดยไม่มีอาชีพอะไร ดังเพราะความรวย สง่าราศี สำหรับผมไฮโซเป็นคำด่า เป็นคำที่น่าหมั่นไส้ คนที่ภูมิใจกับความไฮโซไม่ฉลาดเท่าไหร่ เพราะเขาไม่รู้ว่าคนอื่นกำลังหัวเราะอยู่”

“ผมว่าคนรวยคือคนที่ไม่มีหนี้ คนรวยคือคนมีเวลา นั่นคือความรวย บ้านนี้บ้านแม่ผม ไม่ใช่ของผมสักบาท เพราะฉะนั้นเงินในบัญชีที่เป็นของผมเองมันไม่ได้เยอะมากมาย แต่ผมคิดว่าผมรวยกว่าคนอื่นเพราะว่าผมไม่ได้เป็นหนี้ใคร โล่งดี ผมไม่อยากนึกเลย ความตึงเครียดของความเป็นหนี้ เป็นอะไรที่หดหู่ที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนชนชั้นอะไรก็ตาม นั่นแหละคือคอกขัง ตกเป็นทาสของคนอื่น ผมว่าหนี้คือระบบทาสของศตวรรษนี้”

“เรื่องชนชั้นเป็นประเด็นที่ผมสนใจที่จะทำลาย แน่นอนอยู่แล้วว่าโลกไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่ ความสุขสบายอยู่ในมือคนปริมาณน้อย ผมว่าเราไม่น่าจัดลำดับคุณค่าคนตามรายได้ สิ่งที่สำคัญๆ ในประวัติศาสตร์ สิ่งที่ดีงามมันมักจะไม่เกี่ยวกับเงิน มันไม่ใช่ประเด็นว่าคุณมีเงินเท่าไหร่ คนจัญไรมันก็คือคนจัญไรไม่ว่าเขาจะมีเงินเยอะแค่ไหน บางทียิ่งรวยยิ่งจัญไรด้วยซ้ำ เพราะไม่มีข้ออ้างเรื่องปากท้องด้วย ยิ่งรวยยิ่งเป็นโจร แปลกมากๆ”

“แสงควรจะส่องไปที่อื่นมั่ง”-ผมชอบประโยคนี้ของเขา และชอบมากขึ้นไปอีก เมื่อเขาบอกว่ามีทรัพย์สินพอสมควร แค่มีบ้านอยู่ มีข้าวกินพอให้ไม่เป็นทุกข์ แต่มากกว่านั้นก็ไม่จำเป็นแล้ว

เราคุยกันอีกหลายเรื่อง ผมโชคดีที่เขามีเวลาให้ผมเยอะ เพราะเขาไม่ชอบถ่ายรูปแต่ชอบแสดงความคิดเห็น ทีมงานกลับไปหมดแล้ว ผมนั่งอยู่กับเขาตามลำพัง

รู้สึกอย่างไรที่มีคนยกให้คุณเป็นไอดอลหรือมาห้อมล้อมรุมรัก
“ต้องอย่าคิดว่าเป็นเพราะเราดี หล่อ เก่ง เจ๋ง แต่ต้องคิดว่าเป็นเพราะเรามีชั่วโมงบนจอโทรทัศน์ ณ เวลานั้นเยอะ คนดังน่ะเป็นใครก็ได้ และมันจะเซ็งกับตรงนี้ไง เขารู้ได้ไงว่าผมเป็นคนดี เขารู้ได้ไงว่าผมเป็นคนที่สมควรจะชื่นชอบ มีคนบอกว่าในอินเตอร์เน็ตเขียนด่าผมห่าเหวอะไรก็ไม่รู้ แต่ผมไม่อ่านเพราะเดี๋ยวอารมณ์เสีย ก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะวิพากษ์วิจารณ์ ถ้ารับไม่ได้ก็ไปทำอาชีพอื่นซะ มันก็ต้องโอเคละ สำหรับผมชื่อเสียงโดยล้วนๆ โล้นๆ เป็นอะไรที่ไม่ค่อยน่ามีเท่าไหร่ ผมมีความสุขยามเดินทาง เล่นดนตรี นั่งคุยกับเพื่อน อ่านหนังสือมากกว่า”

“สังคมไทยไม่ยอมรับว่าวัยรุ่นเดี๋ยวนี้เอากันเหมือนกระต่าย” เท่าที่จำได้ ไม่เคยมีดารา นักร้องคนไหนพูดจาวิพากษ์วิจารณ์สังคมได้แรงเท่ากับที่เขาพูดคำนี้มาก่อน

ตอนนี้คุณอยากจะพูดอะไรที่มันลือลั่นเหมือนเมื่อ 3 ปีที่แล้วบ้างไหม ผมถาม เขายิ้มแล้วก็พูดเรื่องเดิมแต่ในมิติที่ลึกขึ้น สุดท้ายเขาก็บอกผมว่า “ผมทนสังคมที่พูดอย่าง ทำอย่างไม่ได้”
เนื้อหาทั้งหมด คัดลอกมาจากเว็บไซต์ของ GM ครับ (www.gmmultimedia.co.th)

Thursday, November 17, 2005

Nurimaru Building

ในเดือนพฤศจิกายนนี้ เกาหลีใต้ได้เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมสุดยอดผู้นำโลกงาน APEC 2005 การประชุมจะมีหลากหลายกลุ่มย่อย แต่ที่สุดยอดจริงๆ ก็คือการประชุมของสุดยอดผู้นำประเทศทั้ง 21 ประเทศ ในวันที่ 19 ซึ่งสถานที่ที่ใช้ ก็คงต้องเป็นสถานที่ที่สุดยอดเช่นกัน



เกาหลีใต้ได้จัดสร้างตึก Nurimaru ขึ้นมาใหม่ ที่เกาะ Dongbaek เพื่อใช้เป็นสถานที่ประชุมของผู้นำจากประเทศต่างๆ โดยใช้เวลาในการจัดสร้างไม่ถึงหนึ่งปี ใช้งบประมาณในการก่อสร้างสูงถึง 19 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับคำว่า Nuri หมายถึง โลก ส่วน Maru หมายถึง สุดยอด หรือ การประชุม

สำหรับตึกนี้ การออกแบบผสมผสานระหว่างศาลาเกาหลีสมัยโบราณกับการออกแบบสมัยใหม่ โดยมีทั้งหมด 3 ชั้น มีพื้นที่การใช้งาน 3,000 ตารางเมตร



สำหรับตึกที่จะใช้ประชุมของสุดยอดผู้นำจากประเทศต่างๆ คงจะต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยที่สุดยอดเช่นกัน โดยตึก Nurimaru นี้ ออกแบบให้สามารถรับแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ได้ถึง 8 ริคเตอร์ สามารถป้องกันพายุไต้ฝุ่นและคลื่นสึนามิได้สูงถึง 10 เมตร และที่สำคัญ ผนังคอนกรีตถูกเสริมด้วยแผ่นเหล็กกล้า รวมทั้งกระจกทุกบานเป็นกระจกกันกระสุน สามารถป้องกันระเบิดและกระสุนปืนต่างๆ ได้

อืม...มันสุดยอดจริงๆ

Wednesday, November 16, 2005

Foie Gras

Foie Gras ในภาษาฝรั่งเศส แปลว่า Fatty Liver หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม ตับห่าน อาหารฝรั่งเศสสุดหรูที่มาพร้อมกับราคาแสนแพง

Foie Gras ได้มาจากตับห่านหรือเป็ด ที่เลี้ยงด้วยวิธีบังคับการให้อาหาร (force-feeding process) จนตับมีขนาดโตกว่าปกติประมาณ 10 เท่า ซึ่งเป็นอาการที่ทางการแพทย์เรียกว่า "Hepatic Lipidosis"

วิธีบังคับการให้อาหาร น่าจะถือว่าเป็นการทารุณกรรมต่อสัตว์อย่างหนึ่ง เพราะห่านจะถูกให้อาหาร ที่ส่วนใหญ่จะเป็นข้าวโพด เพื่อให้ตับมีสีสวย ผ่านทางท่อเหล็ก วันละ 2-3 ครั้ง เป็นระยะเวลา 3 อาทิตย์ จนห่านตัวนั้นอ้วนจนแทบเดินไม่ได้ และบางตัวก็ตายลงในที่สุด

Tuesday, November 15, 2005

ประกาศวันหยุดราชการปีหน้า

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้จัดการเลือกตั้ง ส.ว. ในวันพุธที่ 19 เมษายน 2549 และให้ถือเป็นวันหยุด ตามที่ กกต.เสนอมา เนื่องจากตามกฎหมายจะต้องมีเวลาประกาศบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เปิดให้มีการคัดค้าน ต้องจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า และการเลือกตั้งต่างประเทศ จึงจะให้เร็วกว่าวันเสาร์ที่ 15 เมษายน 2549 ไม่ได้

นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังมีมติให้วันหยุดสงกรานต์ เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพียง 2 วัน คือ วันที่ 13 และ 14 เมษายน ส่วนวันที่ 15 เมษายน ไม่ให้ถือว่าเป็นวันหยุด จึงไม่ต้องมีการชดเชย เพราะถ้าถือตามกฎหมาย ให้วันที่ 15 เป็นวันหยุด จะต้องไปชดเชยในวันจันทร์ที่ 17 เมษายน แต่รวมแล้วก็จะมีวันหยุด 4 วัน คณะรัฐมนตรีจะมีของขวัญให้กับประชาชน ในวันหยุดเทศกาลปีใหม่ เฉพาะปีนี้ คือจะให้หยุดชดเชยเพิ่มขึ้นอีก 1 วัน ในวันที่ 3 มกราคม โดยวันสิ้นปี 31 ธันวาคม เป็นวันเสาร์ และวันที่ 1 มกราคม เป็นวันอาทิตย์ ทำให้มีวันหยุดชดเชย ในวันจันทร์ที่ 2 มกราคม เพียงวันเดียว คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้หยุดชดเชยเพิ่มอีก 1 วัน ในวันอังคารที่ 3 มกราคม รวมเป็นวันหยุด 4 วัน

มติคณะรัฐมนตรีนี้ ใช้เฉพาะวันหยุดของราชการเท่านั้น ส่วนภาคเอกชนจะให้หยุดติดต่อกัน 4 วันหรือไม่ เป็นเรื่องความสมัครใจ

Monday, November 14, 2005

ขายตั๋วหนัง Harry Potter ครับ (เนื้อที่โฆษณา)

นานๆ จะมีเพื่อนสมัยมหาลัยทักมาสักที ทั้งๆ ที่ก็เห็นออนไลน์กันบ่อยๆ วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร เจ้าเดียร์ทักมา ไอ้เราก็นึกว่าทักมาด้วยความคิดถึง ที่ไหนได้...
Dear says: ตั้มๆ ดูแฮรี่ป่ะ
TUM says: ทำไมเหรอ วันไหนอ่ะ?
Dear says: วันไหนก็ได้ มีตั๋วราคาพิเศษมาเสนอ
TUM says: อะไรคือตั๋วราคาพิเศษ
TUM says: เดียร์ไปเอามาจากไหน?
Dear says: 2 ที่นั่ง 200 บาท ... แถมโบว์ลิ่ง 1 เกมส์ ป๊อบคอร์น 1 ถุง
Dear says: เพื่อนเราขายน่ะ เราเลยช่วยมันขายอีกที
TUM says: โรงไหนอ่ะ?
Dear says: เพื่อนเราทำอยู่เมเจอร์ แต่ตั๋วดูได้ทั้ง เมเจอร์ ทั้ง อีจีวีนะ โรงไหน เมื่อไรก็ได้
TUM says: อ้าวเหรอ
TUM says: เอาดิ
TUM says: แล้วต้องซื้อยังไง
Dear says: ต้องซื้อ เป็นคู่น่ะ เพราะ 1 ใบ = 2 ที่นั่ง
...
...
TUM says: แต่ว่า มันไม่มีข้อจำกัดอะไรนะ จะได้บอกเพื่อนๆ ถูก
Dear says: จำกัดแค่ ใช้ได้ตั้งแต่วันหนังเข้า จนถึงวันหนังออก
Dear says: หนังออกแล้วอดดู
TUM says: แป่ว....
สรุปนะครับ ... ใครที่รู้ว่ามีคู่ไปดูหนังเรื่อง Harry Potter ภาคล่าสุดแน่ๆ และสนใจอยากจะได้ตั๋วคู่ ราคา 200 บาท แถมโบว์ลิ่ง 1 เกม และป๊อปคอร์น 1 ถุง (ถุงแค่ไหนไม่ทราบนะครับ) ดูได้ทั้งเมเจอร์และอีจีวี ติดต่อที่ผมด่วน ก่อนวันพุธนี้นะครับ

ปล. ถามย้ำมาแล้วว่าใช้ได้เหมือนตั๋วปกติครับ ดูได้ทุกวัน ทุกเวลา ที่มีรอบครับ
แต่ว่าเรื่องนี้เนี่ย มันเข้าเมื่อไหร่???

Friday, November 11, 2005

แบกเป้ไป ชาร์จแบตเตอร์รี่ไป

ไอเดียดีไม่น้อย สำหรับกระเป๋าของ Voltaic Systems ที่นำแผ่นโซลาเซลล์มาติดไว้ที่กระเป๋าด้วย เหมาะสำคัญคนชอบเที่ยวป่าเขา ที่หาแหล่งชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ได้ยาก
และที่สำคัญ..ราคาของกระเป๋าไม่แพงอย่างที่คิด แต่เรื่องพลังไฟที่จะได้และความทนทานนั้นนั้น ลองเข้าไปดูรายละเอียดในเว็บของผู้ผลิตเขาเองละกันนะครับ

Dae Jang Geum - Culture Product - Korea Marketing #1

มติชนสุดสัปดาห์ฉบับอาทิตย์นี้ (11-17 พ.ย.) ลงปกว่าด้วยเรื่อง "แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง" บทพิสูจน์แห่งความแรงของซีรี่ส์เรื่องนี้

ยอมรับตรงๆ ว่าเพิ่งจะรู้ ว่าแดจังกึมดังและแรงขนาดนี้ เพราะตามปกติแทบจะได้ดูทีวีน้อยมาก แม้จะเห็นในเว็บ pantip.com มาสักระยะแล้วว่าคำที่ใช้ค้นหาในเว็บพันทิปนั้น อันดับที่หนึ่งเป็น "แดจังกึม" แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะฮอตฮิตติดลมบนได้ขนาดนี้

และที่สำคัญ ได้ข่าวมาว่าไม่ได้ฮอตฮิตเฉพาะประเทศไทย โดยเรื่องนี้ฮอตฮิตไปซะทุกประเทศที่ฉาย

โปรดติดตาม "แดจังกึม" ตอนต่อไป...

Tuesday, November 08, 2005

Murphy/Jahn

หลายๆ คน อาจจะคุ้นๆ หู หรือคุ้นๆ ตา กับคำว่า Murphy/Jahn มาบ้างพอสมควรแล้ว บริษัท Murphy/Jahn เป็น Architectural Firm ครับ บอกมาขนาดนี้แล้ว หลายๆ คนอาจจะเดากันได้ ส่วนใครที่ยังนึกไม่ออก ถ้าบอกว่าเป็นบริษัทที่ออกแบบสนามบินสุวรรณภูมิ คงต้องร้องอ๋อขึ้นมาทันที

Murphy/Jahn มีนายใหญ่หรือเจ้าของที่ชื่อ Helmut Jahn ซึ่งเป็นสถาปนิกชาวเยอรมัน งานส่วนใหญ่ของ Murphy/Jahn จะเน้นไปที่ความสวยงามด้านสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานกับความก้าวหน้าทางวิศวกรรม หรือที่ทาง Murphy/Jahn เรียกว่า ACHI-NEERING ครับ

ผมรู้จักผลงานของ Murphy/Jahn มาตั้งแต่สมัยเรียนนู่นเลย งานแรกที่ผมรู้จักและชอบมากๆ ก็คือ Kempinski Hotel ที่เมือง Munich ครับ







ส่วนท่านใดที่อยากจะลองดูรายละเอียดเกี่ยวกับ Murphy/Jahn ลองเข้าไปดูที่เว็บไซต์ของเขาได้เลยนะครับ www.murphyjahn.com

Monday, November 07, 2005

'Munich' by Steven Spielberg

หนังเรื่องใหม่จากยอดผู้กำกับสตีเว่น สปีลเบิร์ก ที่ชื่อว่า Munich แม้จะถ่ายทำยังไม่เสร็จ แต่ผู้สันทัดกรณีและนักวิจารณ์ทั้งหลาย ก็ยกให้หนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในตัวเก็งรางวัลออสการ์ซะแล้ว

ตอนนี้มีมาให้ดูแค่ตัวอย่างหนัง และใบปิดเท่านั้นเอง ส่วนโปรแกรมฉายจริงๆ นั้น น่าจะประมาณ 23 ธันวาคมนี้ เพื่อให้ทันการประกวดรางวัลออสการ์ แต่ไม่รู้ว่าเมืองไทย เราจะได้ดูกันเมื่อไหร่นะครับ

เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของหนังเรื่องนี้ อยู่ที่ www.munichmovie.com

Bangkok Jazz Festival 2005

โปรแกรมต่างๆ ออกมาเรียบร้อยแล้วนะครับ เตรียมหาเงินค่าตั๋วไว้ได้เลย บัตร 3 วัน ราคา 2,000 บาทถ้วน สำหรับรายละเอียดต่างๆ ดูได้ที่เว็บไซต์ของงานนี้เลยครับ คลิกที่นี่

Friday, November 04, 2005

กระเป๋าโน้ตบุ๊กสุดสวย

ไปเจอกระเป๋าโน้ตบุ๊กที่มีการออกแบบสวยงามมาครับ ดูไม่เหมือนกระเป๋าโน้ตบุ๊กทั่วๆ ไป ที่ใหญ่เทอะทะ และช่องอะไรเต็มไปหมดก็ไม่รู้ เผื่อท่านใดที่ต้องพกพาคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไปไหนมาไหน และต้องการกระเป๋าสวยๆ ที่สามารถเข้ากับชุดทำงานชุดเก่งได้ ลองหามาใช้ดูนะครับ มีให้เลือกหลากหลายลายเลย

เจ้ากระเป๋าโน้ตบุ๊กที่ผมว่านี้ ยี่ห้อ ACME รุ่น The Designer Slim ครับ แต่ไม่รู้ว่าจะมีขายในเมืองไทยหรือเปล่านะครับ ท่านใดเจอที่ขายที่ไหนก็บอกด้วยละกัน ส่วนเรื่องราคานั้น หายห่วงแน่นอนครับ แพงหายห่วงนะครับ เห็นว่าอยู่ที่ประมาณ 150-175 USD


ถ้าท่านใดสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้ที่เว็บไซต์ของ ACME ได้ครับ

Thursday, November 03, 2005

โฆษณาโดนแห่งปี

แว่บแรกที่เห็นผ่านๆ .... "อึ้ง"
ไปหาโหลดมาดูใหม่อีกครั้ง ก็ยัง .... "อึ้ง"

ความคิดแรกที่เข้ามาในหัวก็คือ ทำไมมันนำเสนอได้โดนอย่างนี้ ส่วนความคิดต่อๆ มาคิดว่า โฆษณาเดี๋ยวนี้มันต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ เอาให้เหมือนโดนตีแสกหน้าเลย จะได้จำกันได้แม่นๆ



ลองดูกันนะครับ ดูเสร็จแล้วลองมาคุยกันหน่อยว่ารู้สึกอย่างไร

โรคหัวใจ

ตอนนี้ มีเพื่อนผมบางคนเป็นโรคหัวใจ แบบว่าสามวันดีสี่วันไข้ รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายขาดสักที ไอ้เราก็ได้แต่เป็นห่วงเป็นใย จะช่วยก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็ขอเป็นกำลังใจให้ละกัน หายไวๆ ครับ

อยากจะฝากไว้ว่า บางทีโรคหัวใจ อาจจะใช้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์รักษาให้หายขาดไม่ได้ บางทีคงต้องใช้อารมณ์และความรู้สึกเข้ามารักษา แต่ทำเช่นไรนั้น คงต้องหาทางกันเอาเองครับ

เหมือนที่เจ้าชายน้อยกล่าวไว้ว่า...
"Here is my secret. It is very simple. It is only with the heart that one can see rightly; What is essential is invisible to the eye."

Tuesday, November 01, 2005

หนังภาพสวย



หลังจากที่ได้ติดตามข่าวสารหนังใหม่ของ Rob Marshall (ผู้ที่เคยกำกับเรื่อง Chicago) ที่ชื่อเรื่องว่า Memoirs of a Geisha มาได้สักระยะ ข่าวคราวล่าสุดคือตอนนี้หนังได้ถ่ายทำเสร็จเรียบร้อย และมีตัวอย่างออกมาให้ชมกันแล้ว ซึ่งภาพในหลายๆ ฉาก สวยมากๆ เลยครับ



สำหรับหนังเรื่องนี้ ดารานำแทบทั้งหมด เป็นชาวเอเชียทั้งนั้นเลยครับ ไล่มาตั้งแต่ จางจื่ออี้, เคน วาตานาเบ้, มิเชล โหยว, กงลี่ ซึ่งน่าติดตามครับ ว่าเมื่อหนังออกฉายแล้ว จะมีการตอบรับเป็นเช่นไรบ้างจากผู้ชมฝั่งตะวันตก



สำหรับเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของภาพยนตร์เรื่องนี้ คลิกดูได้ที่นี่ นะครับ
ส่วนตัวอย่างภาพยนตร์ ในรูปแบบ QuickTime คลิกดูได้ที่นี่ ครับ